การประสมวงดนตรีพื้นบ้านอีสานเหนือ
การประสมวงดนตรีตามกลุ้มวัฒนธรรมหมอลำ
เป็นกลุ้มวัฒนธรรมแถบอีสานเหนือเป็นส่วนใหญ่
ในสมัยก่อนไม่นิยมประสมวงหรือการบรรเลงด้วยกันจะมีเฉพาะประเภทกลองยาวแลเครื่งดนตรีผู้ไทเท่านั้น
ส่วนมากนิยมเล่นเครื่องดนตรีต่าง ๆ เป็นเอกเทศหรือเล่นเดียว
ต่อมาภายหลังได้มีการประสมวงพิณ
วงแคน วงโปงลาง ที่นิยมเล่นในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
ส่วนวงดนตรีพื้นบบ้านที่เป็นของชาวบ้าน
จะมีน้อยมากที่พอมีอยู่บ้างก็คือ
วงเพชรพิณทองซึ่งนำมาเล่นร่วมกับวงดนตรีลูกทุ่งจนเป็นที่นิยมแพร่หลาย
รายละเอียดของการประสมวงดนตรีพื้นบ้านอีสานมีดังนี้
1. วงกลองยาว เป็นการประสมวงกลองยาวประกอบด้วยกลองยาวประมาณ
3-4 ใบ
กลองรำมะนาใหญ่ ที่ชาวบ้านเรียกว่า กลองตึ้ง 1 ใบ และฉาบ 1 คู่ ตีเป็นทำนองและจังหวะแบบอีสาน
ชาวบ้านมักร้องเป็นทำนองว่า เปิ้ด เป่ง ฮึ้ม เป่ง เปิ้ด เป่ง เป่ง เปิ้ดเป่ง เป่ง เป่ง เปิ้ด ป่ง ฮึ่ม
กลองยาวมักนิยมใช้ประกอบขบวนแห่ตามงานบุญต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแห่กันหลอน
ในงานบุญพระเวสสันดร
2. วงแคน ประกอบด้วยเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานโดยมีแคนเป็นหลักจะมีจำนวนสักกี่เต้าก็ได้
นอกจากนั้นมีเครื่องดนตรีเสริมด้วย เช่น พิณ ซอ ฉิ่ง ไหซอง
และกลองตามที่เห็นสมควรในแต่ละท้องถิ่น
3. วงพิณ ประกอบด้วยเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานที่มีพิณเป็นหลักจะมีกี่ตัวก็ได้
นอกจากนั้นก็มีเครื่องดนตรีประกอบเสริม เช่น แคน ซอ ฉิ่งและกลอง
4. ว งโปงลาง ประกอบด้วยวงดนตรอีสานที่มีโปงลางเป็นหลักโดยจะมีโปงลางกี่ผืนก็ได้
นอกจากนั้นมีเครื่องดนตรีเสริม เช่น พิณ แคน ซอ ฉิ่ง กลอง เป็นต้น
5. วงลำเพลิน ประกอบด้วยแคนและกลองชุด
6. วงลำซิ่ง ประกอบด้วยแคนและกลองชุด
นาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานเหนือ
การร่ายรำแบบชาวบ้านหรือเรียกกันตามท้องถิ่นว่า ฟ้อน
นั้น มีหลายชนิด
แต่ละชนิดมีลักษณะประจำของมันเอง เช่น ลักษณะการก้าวเท้า สวมเล็บ
ยกเท้าสูง กระตุกส้น
ย่อตัว ฯลฯ ท่ารำต่าง ๆ เลียนแบบอากัปกิรอยาที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันแล้วนำมาประดิษฐ์ให้สวยงามและมีศิลปยิ่งขึ้น
ชนิดของการร่ายรำพื้นเมืองของอีสานเหนือที่ปฏิบัติกันอยู่มีดังนี้
หมอลำ
การร่ายรำของหมอลำ
หมอลำหมายถึงนักร้องเพลงพื้นบ้านอีสาน
การลำก็คือการร้องเพลงพื้นบ้านนั้นเอง การลำมีอยู่หลายทำนอง
เช่น ทำนองลำสั้นหรือลำกลอน ลำยาวหรือลำล่องของ (ล่งโขง) หรือลำล่อง
ลำเต้ย ลำเพลิน
การแสดงของหมอลำแต่ละครั้งจะประกอบด้วยทำนองเหล่านี้
และบางขั้นตอนหมอลำจะลำพร้อมกับร่ายรำไปด้วย เช่น
ลำกลอนเกี้ยว
เป็นการลำทั่วไประหว่างหมอลำชายกับหมอลำหญิง
เป็นการทดสอบความรู้ของอีกฝ่าย
ลำเต้ย
มีทำนองการลำโดยเฉพาะใช้ในการเกี้ยวพาราสีระหว่างหมอลำชายกับหมอลำหญิงด้วยคารมกลอน
หมอลำหมู่
การลำหมู่เป็นการแสดงหลายคน
แสดงเป็นเรื่องราวคล้ายลิเก ผู้แสดงแต่งตัวแต่งกายให้เหมาะสมกับฐานะตามท้องเรื่อง
เรื่องที่นำมาแสดงได้จากนิทานหรือ วรรณคดีพื้นบ้านอีสาน
ตัวแสดงที่สำคัญจะฟ้อนรำท่าทีอ่อนช้อยสวยงาม
สว่นตัวตลกมักใช้ท่าทางที่ชวนขบขัน
ดนตรีที่ใช้ประกอบ
คือ
แคน พิณ ฉิ่ง ฉาบ และกลอง
เซิ้ง
การเซิ้งเป็นการเลียนแบบชีวิตประจำวันมีหลายอย่างและมีผู้คิดประดิษฐ์เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ
เช่น เซิ้งสวิง (เครื่องมือจับปลา) เซิ้งกระติบข้าว เซิ้งสาวไหม
การเซิ้งเป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสานเหนือ
งานเทศกาลทหรสพคบงันต่าง ๆ
ถ้าขาดเซิ้งไปจะทำให้บรรยายกาศของงานกร่อยไปมากที่เดียว
ดนตรีที่ใช้ประกอบ
วงดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบเป็นวงผสม
มีแคน พิณ ซอ และเครื่องประกอบจังหวะต่าง ๆ เช่น กลองยาว
ฉิ่ง ฉาบ ฆ้อง และกรับ
โดยเฉพาะกลองยาวจะใช้หลายใบเพื่อเน้นจังหวะและความครึ้กครื้น สนุกสนาน
ฟ้อนผู้ไทยหรือภูไท
การฟ้อนผู้ไทยใช้จังหวะช้าเพื่อแสดงออกถึงความสวยงาม
ความอ่อนช้อยละมุนละไม
ช้ากว่าจังหวะเซิ้งซึ่งจัดเป็นประเภทรำอีกหนึ่งเท่าตัว
กล่าวคือผู้ฟ้อนผู้ไทนก้าวไปหนึ่งก้าว
เซิ้งจะรำไปได้สองก้าว หรือถ้าเปรียบเทียบกับจังหวะดนตรี
ฟ้อนผู้ไทยก้าวเท้าตามโน๊ตตัวดำ
เซิ้งก้าวเท้าตามจังหวะตัวเขบ็ตหนึ่งชั้น
ดนตรีที่ใช้ประกอบ
เป็นวงดนตรีพื้นบ้านผสม
ประกอบด้วยแคน ซอ และเครื่องจังหวะต่าง ๆ
แสกเต้นสาก
เต้นสากเป็นการรำกระทบไม้
แสกเต้นสาก หมายถึง การรำกระทบไม้ของชาวแสกและกระทำอยู่ในกลุ่มตน การเต้นสากเป็นการเต้นประกอบการร่ายรำตามจังหวะกระทบของไม้ไผ่หลายคู่
คนเต้น 4 คน คนกระทบเรียกว่าสากคู่ละ 2 คน
หากใช้ไม้สาก 6 คู่
ก็จะต้องใช้คนกระทบไม้จำนวน 12 คน คนตีกลองหนึ่งคน
และตีฉิ่งอีกหนึ่งคน
ดนตรีที่ใช้ประกอบ
กลอง
ฉิ่ง
ฟ้อนผีฟ้าหรือผีหมอ
ผีฟ้าหรือผีหมอเป็นความเชื่อของชาวพื้นเมืองอีสานเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ที่ต้องการที่ยึดที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ผู้ที่วิญญาณต้องการอยู่ด้วยมักเป็นญาติ และสามารถรู้ได้โดยที่ตนเองล้มป่วยลง
เมื่อไปหาหมอทางไสยศาสตร์และพบว่าเป็นวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วอยากมาอยู่ด้วยการฟ้อนผีฟ้าหรือผีหมอ
เป็นการฟ้อนที่ไม่มีระเบียบแบบแผนหรือใช้หลักทางนาฏศิลป์แต่อย่างไร
การเคลื่อนไหวเป็นไปตามจังหวะกลองและดนตรี
ดนตรีที่ใช้ประกอบ
แคน
พิณ ฆ้อง ฉาบ กลอง บรรเลงประกอบไปด้วย
หนังตะลุงอีสาน
ในปี
พ.ศ. 2467 มีหลักฐานว่าหนังตะลุงอีสานเลียนแบบจากหนังตะลุงคณะที่ไปจากพระนครศีรอยุธยา
เรียกได้หลายชื่อ เช่น หนังปราโมทัย หรือหนังบักตื้อ หนังบักป่อง
เรื่องที่นิยมเล่นกันมาก
คือ รามเกียรติ์ จำปาสี่ต้น นางแตงอ่อน ศิลป์ชัย
ตัวหนังตะลุงจะเป็นของคนในภาคอีสาน ยกเว้นเรื่องรามเกียรติ์ การแสดงเป็นแบบหมอลำ
ส่วนบทเจรจาใช้ภาษาท้องถิ่น
ดนตรีที่ใช้ประกอบ
พิณ
แคน ซอ โหวด กลอง ฉาบ ฉิ่ง
อ้างอิงจาก http://student.nu.ac.th/thaimusicclub/