ข้อตกลงการใช้ประโยชน์เพลงวงโปงลางจากเวบไซต์ krusanti.org
1. ใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น
2. จะไม่นำไฟล์ภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์วิดิโอ หรือไฟล์อื่นใดที่ดาวน์โหลดจากเวบไซต์นี้ไปใช้เพื่อการพานิชย์ หรือการค้าใดๆ ทั้งสิ้น
3. ท่านมาถึงหน้าเวบเพจนี้แล้ว แสดงว่ายอมรับขอตกลง
Admin นำตัวอย่างลายเพลงพื้นบ้านภาคอีสาน จำนวน 36 ลายเพลง เพื่อเป็นวิทยาทานและใช้ประกอบการศึกษา เท่านั้น
001 - เซิ้งไทภูเขา
002 - เซิ้งกระโป๋ (ซันตรูส)
003 - เซิ้งกระโป๋ (อีสานใต้)
004 - เซิ้งกระติบข้าว
005 - เดี่ยวโปงลางลายกาเต้นก้อน
006 - เอ้ดอกคูณ
007 - เอ้ฝ้าย
008 - แพรวากาฬสินธุ์
009 - แมงภู่ตอมดอก
010 - ดึงครกดึงสาก
011 - แม่ฮ้างกล่อมลูก
012 - แหย่ไข่มดแดง
013 - ตังหวาย
014 - ธิดาฟ้าหยาด
015 - นารีศรีอีสาน
016 - ปู่ปะหลาน
017 - ฟ้อนแคน
018 - ฟ้อนภูไท
019 - ฟ้อนภูไท 3 เผ่า
020 - ฟ้อนลีลาวดี
021 - ภูไทเข็นฝ้าย
022 - ภูไทโบราณ
023 - ภูไทสามเผ่า
024 - มโหรีอีสาน
025 - ระบำจำปาศรี
026 - รำ 4 ภาค
027 - รำไทพวน - Dm-Am
028 - รำไทพวน - Am
029 - ลมพัดพร้าว
030 - เต้ย 3 จังหวะ
031 - ศรีโคตรบูรณ์
032 - สังข์สินชัย
033 - สาวไหม ต่ำหูก
034 - ลายฟ้อนเที่ยวเมืองขอน
035 - ชมเมืองขอนแก่น
036 - ออนซอนนครขอนแก่น
ข้อมูล และแหล่งอ้างอิง
หนังสือและเอกสาร:
- เพลงพื้นบ้านอีสาน ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม
- ดนตรีและการละเล่นพื้นบ้าน เจริญชัย ชนไพโรจน์ ภาคดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม
- ดนตรีพื้นบ้านอีสาน สุกิจ พลประถม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
- วิธีการศึกษาดนตรีพื้นบ้านอีสาน เฉลิมศักดิ์ พิกุลศรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เว็บไซต์และสื่อออนไลน์:
- ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: (http://www.isan.clubs.chula.ac.th/dontri/index.php)
- ศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
YouTube:
- วงโปงลาง มรดกอีสาน (เดชา ชาสงวน)
- วิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
- วิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์
ลักษณะดนตรีอีสานเหนือ ดนตรีที่นำมาใช้เป็นไปในรูปแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ดนตรีพื้นบ้านอีสานมีลักษณะเฉพาะตัวเอง มีความแตกต่างไปจากดนตรีพื้นบ้านอื่นๆ องค์ประกอบที่สำคัญของอีสาน มี 3 ประการ คือ
โดยทั่วไป ทำนองของเพลงแต่ละเพลงแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังต่อไปนี้
2.1 ทำนองเกริ่น เป็นทำนองที่บรรเลงขึ้นต้นเหมือนกับอารัมภบทในการพูดหรือเขียน
2.2 ทำนองหลัก คือทำนองที่เป็นหัวใจของเพลง ผู้ฟังที่คุ้นเคยกับเพลงพื้นบ้านสามารถบอกชื่อเพลง หรือทาง หรือลายได้จากทำนองหลักนี้เอง
2.3 ทำนองย่อย คือทำนองที่ใช้สอดแทรกสลับกันกับทำนองหลัก เนื่องจากทำนองหลักสั้น การบรรเลงซ้ำกลับไปกลับมาติดต่อกันนาน ๆ ทำให้เพลงหมดความไพเราะ การสอดแทรกทำนองย่อยให้กลมกลืนกับทำนองหลักจึงมีความสำคัญมาก
ประเภทของเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานเหนือ
ประเภทเครื่องดีด <<คลิก
ประเภทเครื่องสี <<คลิก
ประเภทเครื่องตี <<คลิก
ประเภทเครื่องเป่า <<คลิก
ประเภทเครื่องประกอบจังหวะ <<คลิก
พิณพื้นเมือง
พิณพื้นเมืองมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น พิณ ซุง หมากจับปี่ หมากตับเต่ง หมากตดโต่ง ใช้เล่นกันอยู่โดยทั่วไปในภาคอีสาน ปัจจุบันพิณยังใช้เล่นกันในท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่นหมู่บ้านที่มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมน้อย
รูปร่างลักษณะ
พิณพื้นเมืองอีสานมีลักษณะคล้ายกับพิณทั่วไป จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทมีสายใช้ดีด เทียบได้กับแมนโดลิน กีตาร์ ของชาวตะวันตกเสียงพิณเกิดจากการดีดสายที่ขึงตึง เพื่อให้เกิดการสั้นสะเทือนอยู่เหนือส่วนที่กลวงเป็นโพรง
พิณพื้นเมืองทำด้วยไม้เนื้ออ่อนหรือแข็งปานกลาง ไม้เนื้อแข็งทำให้มีน้ำหนักมาก ส่วนที่กลวงแตกง่ายและเสียงไม่ค่อยดัง วัตถุที่ใช้ดีดทำด้วยเขาสัตว์ เหลาให้แบนบาง
วิธีบรรเลง
พิณเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายใช้ดีด ใช้บรรเลงได้ทั้งขณะนั่ง ยืน หรือเดิน หากประสงค์จะยืนหรือเดินบรรเลง ก็ต้องใช้สายผ้าหรือหนังผูกปสายลำตัวและปลายคันทวน
แล้วเอาสายคล้องคอไวัให้ตำแหน่งของพิณอยู่ในระดับราบ มือขวาถือที่ดีดไว้ด้วยนิ้วชี้และหัวแม่มือ การดีดพิณไม่นิยมดีดรัวเหมือนดีดแมนโดลินส่วนมากดีดหนักเบาสลับกันไปเป็นจังหวะ ถ้าบรรเลงจังหวะช้าหรือปานกลางมักนิยมดีดลงทางเดียวจังหวะเร็วมักดีดทั้งขึ้นและลง สายพิณที่ใช้เป็นหลักในการดำเนินทำนองมีสองสาย คือ สายเอกและสายทุ้ม
โอกาสที่ใช้บรรเลง พิณใช้บรรเลงในโอกาสต่อไปนี้
หุนหรือหึน
เป็นเครื่องดนตรีทำด้วยไม้ไผ่ทางภาคกลางเรียกว่า จ้องหน่องกลุ่มวัฒนธรรมกันตรึมเรียกว่า อังกุย เวลาดีดต้องใช้ปากคาบไว้ที่กระพุ้งแก้ม ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเครื่องขยายเสียง นิยมเล่นเดี่ยวมากกว่าบรรเลงกับดนตรีชนิดอื่น ชาวผู้ไทจะเรียกหุนหรือหึนว่า โกย นิยมเล่นในกลุ่มผู้หญิงชาวผู้ไทสมัย
พิณไห หรือไหซอง
เป็นพิณที่ทำมาจากไหที่ใส่ปลาร้าของชาวอีสาน นิยมทำเป็นชุด ๆ ละ 3 ใบ มีขนาดลดหลั่นกันไป ตรงปากไหขึงด้วยยางหนังสติ๊ก หรือยางในรถจักรยานแล้งผูกขึงให้เสียงประสานกัน โดยทำหน้าที่คล้ายกับกีตาร์เบส ผู้เล่นจะร่ายรำประกอบไปด้วย
ซอพื้นเมือง
เครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานประเภทเครื่องสี คือ ซอ ชาวบ้านใช้เล่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้ง ๆ ทีซอมีเสียงไพเราะกว่า หรือพอ ๆ กับเครื่องดนตรีชนิดอื่น แต่ก็มีผู้เล่นไม่มากนัก
รูปร่างลักษณะ
วงการดนตรีเชื่อว่าเครื่องดนตรีประเภทสีมีวิวัฒนาการมาจากประเภทดีด สมัยที่มีเครื่องสายแรก ๆ นั้นคงใช้นิ้วมือ หรือวัตถุบางๆ ดีดให้เกิดเสียง เสียงที่เกิดมักเป็นช่วงสั้น ๆ เมื่อต้องการทอดเสียงให้ยาวออกไปจำเป็นต้องดีดรัว ซึงก็เป็นช่วงสั้น ๆ ติดต่อกันอย่างรวดเร็วอยู่นั้นเอง ภายหลังจึงค้นพบว่าถ้าสีสายด้วยคันชัก จะทำให้มีเสียงยาวไม่ขาดตอนและมีลักษณะเสียง (Tone Color) คนละแบบกับการดีด ต่อมาจึงแยกเครื่องดนตรีประเภทดีดกับประเภทสีออกเป็นคนละประเภท
โอกาสที่บรรเลง
โอกาสใช้ซอบรรเลงก็เหมือนเครื่องดนตรีชนิดอื่นที่กล่าวมาแล้ว เช่น การคบงัน การฉลองงานเทศกาลต่าง ๆ ซอใช้ทั้งเดี่ยวและผสมวง
ซอไม้ไผ่ หรือซอบั้ง
เป็นซอที่ทำจากไม้ไผ่ 1 ปล้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้ว ถากผิวออกจนเหลือกระบอกบาง ๆ เจาะรูให้เกิดโพรงเสียงขึ้นสายสองสายไปตามความยาวของกระบอกไม้ไผ่ แล้วสีด้วยคันชัก มีข้อเสียคือเสียงเบาเกินไป
ซอปี๊บ
เป็นซอที่ทำจากปี๊บน้ำมันก๊าดหรือปี๊บลูกอมมีสายลวดสองสายขึ้นเสียงคู่สี่หรือคู่ห้า คันชักอาจอยู่ระหว่างกลางของสายทั้งสอง หรืออาจจะอยู่ข้างนอก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับครูแต่ละคน แต่ส่วนมากแล้วถ้าสีประกอบหมอลำ นิยมให้คันชักอยู่ข้างนอก เพลงที่สีซอปี๊บเป็นเพลงแคน อาจสีเดี่ยวหรือสีประสานเสียงหมอลำก็ได้
ซอกระป๋อง
เป็นซอสองสายเช่นเดียวกับซอปี๊บแต่กระโหลกซอทำด้วยกระป๋อง และนิยมวางคันชักไว้ข้างในคืออยู่ระหว่างกลางของสาย ทั้งขึ้นเสียงเป็นคู่ห้า นิยมสีเพลงลูกทุ่ง ประกอบการขับร้องหรือสีเพลงลายพื้นบ้านของแคน
โปงลาง
ดนตรีพื้นบ้านอีสานถือว่าจังหวะสำคัญมาก เครื่องดนตรีประเภทตีใช้ดำเนินทำนองอย่างเดียวคือ โปงลาง โปงลางมีวิวัฒนาการมาจากระฆังแขวนคอสัตว์เพื่อให้เกิดเสียงโปงลางที่ใช้บรรเลงอยู่ในภาคอีสานมี 2 ชนิด คือ โปงลางไม้และโปงลางเหล็ก โปงลางไม้ซึ่งประกอบด้วยลูกโปงลางประมาณสิบสองลูกเรียงตามลำดับเสียงสูง ต่ำ ใช้เชือกร้อยเป็นแผงระนาด แต่โปงลางไม่ใช้รางเพราะเห็นว่าเสียงดังอยู่แล้ว แต่นำมาแขวนกับที่แขวน ซึ่งยึดส่วนปลายกับส่วนโคนให้แผงโปงลางทำมุมกับพื้น 45 องศา ไม้ตีโปงลางทำด้วยแก่นไม้มีหัวงอนคล้ายค้อนสำหรับผู้บรรเลงใช้ตีดำเนินทำนอง 1 คู่ และอีก 1 คู่สำหรับผู้ช่วยใช้เคาะทำให้เกิดเสียงประสานและจังหวะตามลักษณะของดนตรีพื้นบ้านอีสานที่มีเสียงประสาน
โอกาสที่บรรเลง
เนื่องจากโปงลางประกอบด้วยลูกโปงลางขนาดใหญ่หลายลูกจึงมีน้ำหนักมาก ไม่สะดวกแก่การเคลื่อนย้ายได้เหมือนเครื่องดนตรีพื้นบ้านชนิดอื่น ๆ คราวใดมีการบรรเลงอยู่กับที่และต้องการให้งานเป็นที่เอิกเกริกครื้นเครงโปงลางมักมีส่วนด้วยเสมอ
กลองเส็ง
หรือกลองกิ่งหรือกลองแต้ เป็นกลองคู่ประเภทกลองหน้าเดียว นิยมใช้สำหรับการประลองความดัง หรืออาจใช้กับงานบุญประเพณีต่าง ๆ เช่นงานบุญบั้งไฟ หรืองานบุญเผวด เป็นต้น การตีกลองเส็งจะใช้ไม้ตีซึ่งจะทำจากไม้เค็งหรือไม้หยี เพราะเหนียวและทนกว่าไม้ชนิดอื่น ๆ กลองสองหน้า หุ่นกลองทำด้วยไม้ขึ้นหน้าด้วยหนัง ดึงให้ตึงด้วยเชือกหนังมีขนาดต่าง ๆ กัน ตั้งแต่ขนาดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร จนถึง 150 เซนติเมตรโดยทั่วไปขนาดประมาณ ด้านหน้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เซนติเมตร ด้านหลังขนาด 15 เซนติเมตร ความยาวของกลอง 36 เซนติเมตร ชุดหนึ่งมี 2 ลูก ใช้ตีด้วยไม้มะขามหรือไม้เล็งหุ้มตะกั่วที่หัว เสียงดังมากการเทียบเสียง ไม่มีการเทียบระดับเสียงแต่พยายามปรับให้มีเสียงดังกังวาลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
กลองยาว
เป็นกลองด้วยหนังหน้าเดียวตัวกลองทำด้วยไม้มะม่วง ตอนหน้าของกลองจะมีขนาดใหญ่ ตอนท้ายมีลักษณะเรียวหลายขนาด ตรงกลางของหน้ากลองจะติดข้าวสุกบดผสมกับขี้เถ้าถ่วงเสียงตัวกลองยาวให้เกิดเสียงก้องดังน่าฟังยิ่งขึ้น นิยมใช้ตีสำหรับขบวนแห่ เช่น แห่เทียน แห่กันหลอน หรือแห่พระเวส เป็นต้น
กลองตุ้ม
เป็นกลองสองหน้าคล้ายกลองตะโพนในทางดนตรีไทยแต่ต่างจากตะโพนตรงที่หน้าของกลองตุ้มทั้งสองข้างนั้นมีขนาดเท่ากัน ส่วนใหญ่ใช้ตีกับกลองยาว สำหรับขบวนแห่ หรือขบวนฟ้อนในงานเทศกาลต่าง ๆ
กลองตึ้ง
เป็นกลองรำมะนาขนาดใหญ่ใช้บรรเลงในวงกลองยาวเวลาตีต้องใช้คน 2 คนหาม และให้คนที่อยู่ข้างหลังเป็นคนตีไปด้วย
กลองกาบบั้ง
หรือกลองกาบเบื้อง มีลักษณะแบบเดียวกับกลองตึ้งแต่มีขนาดเล็กกว่า เป็นกลองหน้าเดียวหรือเบื้องเดียว นิยมใช้ตีผสมวงกับกลองตุ้มและกลองยาวเพื่อประกอบในขบวนแห่ และขบวนฟ้อนในงานเทศกาลต่าง ๆ
กลองหาง
เป็นกลองยาวชนิดหนึ่ง แต่มีรูปร่างเพรียวกว่าของภาคกลาง ที่เรียกกลองหางเพราะมีลำตัวยาวเหมือนหางใช้ตีผสมกับกลองตุ้มและกลองกาบบั้ง ประกอบการฟ้อนหรือขบวนแห่งานบุญต่าง ๆ